วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

อยากบวชไหม

คาทอลิกของเรามีนักบวชทั้งชายและหญิง วัดแต่ละวัดจะต้องมีพระสงฆ์ประจำวัด เราเรียกกันติดปากว่า คุณพ่อเจ้าวัด และบางวัดอาจจะมีนักบวชหญิงที่เรียกว่า ซิสเตอร์ ที่ช่วยงานอภิบาลต่าง ๆ ของวัด เช่น งานโรงเรียน งานสอนคำสอน ฯลฯ นอกจากนั้น ในโรงเรียนใหญ่ ๆ เรายังมีนักบวชที่เรียกว่า บราเดอร์ ที่ทำงานบริหารและอภิบาลในโรงเรียนอีกด้วย
                ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทย ทำการสำรวจบรรดาเยาวชน อายุระหว่าง 15 – 20 ปี ว่า อยากเป็นนักบวช ซิสเตอร์ พระสงฆ์  หรือไม่
                เยาชนตอบคำถามนี้จำนวนทั้งสิ้น 460 คำตอบ ร้อยละ  58 ตอบว่า ไม่อยาก ร้อยละ 21  ตอบว่า อยากเป็น ส่วนที่เหลือตอบว่าไม่แน่นอน ไม่เคยคิด ฯลฯ
                สรุปได้ว่าเยาวชน ไม่ปรารถนา จะเป็นนักบวชมากกวา ปรารถนา จะเป็น
                สมาชิกของศาสนจักรคาทอลิกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ บรรดาพระสงฆ์ บรรดาฆราวาส และบรรดาผู้ที่ถวายตัวแด่พระเจ้า
                สมาชิกลำดับแรก คือพระสงฆ์ ซึ่งหมายถึงสมาชิกผู้ที่ได้รับศีลบวช ตั้งแต่พระสันตะปาปา พระสังฆราช พระสงฆ์ และสังฆานุกร
                สมาชิกที่สอง ได้แก่บรรดาฆราวาส คือ ผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปแล้วทุกคน มีหน้าที่ในการมีส่วนร่วมกับงานต่าง ๆ ของบรรดาพระสงฆ์
                และสมาชิกที่สาม คือ บรรดาผู้ถวายตัวแด่พระเจ้า ทั้งที่มีการปฏิญาณตัวต่อหน้าสาธารณะหรือไม่ก็ตาม ว่าจะถือศีลบนสามประการ คือ ความบริสุทธิ์ ความยากจน และความนบนอบ ได้แก่ บรรดานักพรต นักบวช บราเดอร์ ซิสเตอร์ในคณะต่าง ๆ รวมทั้งบรรดาฆราวาสที่รวมตัวกันเป็นหมู่คณะเพื่องานแพร่ธรรมหรือกิจเมตตาต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งหมดนี้จะต้องกระทำโดยความเห็นชอบอย่างน้อยจากพระสังฆราชประจำท้องถิ่นเสียก่อน
                สมาชิกทั้งสามประเภทต่างประกอบกันเป็นดุจร่างกายเดียวกัน แต่เป็นอวัยวะที่แตกต่างกันโดยมีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นศีรษะแห่งพระกายนี้
                ใครจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ขอให้เป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าที่ดี ทำตามคำสั่งสอนของพระองค์อย่างดีแล้วกัน

กิจกรรมที่ชอบ

เยาวชนคาทอลิกชอบกิจกรรมอะไรมากที่สุด
                ผลสำรวจของศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทย จากเยาวชนจำนวน 466 คน ให้คำตอบถึง กิจกรรมที่ชอบ 443 คำตอบ ไม่แสดงความคิดเห็น 52 คน
                คำอบที่บอกว่าจะสามารถแบ่งออกเป็นประเภทได้ 5 ประเภท ดังนี้ เยาวชนร้อยละ 59 ชอบการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของกลุ่มเยาวชน ร้อยละ 27 ชอบการพักผ่อนส่วนตัว ร้อยละ 7 ชอบแสวงหาความรู้อื่น ๆ ร้อยละ 4 ชอบอยู่กับเพื่อนและร้อยละ 3 ชอบการสวดภาวนา
                จากแบบสำรวจ ทำให้ทราบว่าเยาวชนชอบร่วมกระทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าการใช้เวลาเพื่องานส่วนตัวอื่น ๆ กิจกรรมที่เยาวชนชอบมากที่สุดคือ ร้องเพลง เล่นดนตรี ฟังเพลง จากนั้น เป็น เล่นกีฬา กิจกรรมเยาวชนคาทอลิก การชุมนุม กิจกรรมคาทอลิก การเข้าเงียบ เข้าค่ายฯ เยี่ยมคนชรา เด็กกำพร้า เยี่ยมผู้ป่วย เด็กเร่ร่อย ผจญภัย แสวงบุญ ค่ายคำสอน ฯลฯ
                ส่วนที่ชอบน้อยที่สุดคือกิจกรรมที่เกี่ยวกับการสวดภาวนา
                การให้การอบรมเยาวชนมีด้วยกันหลากหลายวิธีการ หลักการสำคัญ ก็คือ ผู้อภิบาล จะต้องรู้ว่าเยาวชนชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด นี้ไม่ได้หมายความว่าการอบรมเยาวชน คือการเอาใจเยาวชน ผู้อภิบาลเปรียบเสมือนนักตกปลา จุดประสงค์คือต้องการปลา ดังนั้น นักตกปลาที่ดีจะต้องศึกษามาก่อนว่าปลาที่เขาต้องการมักจะอาศัยอยู่ในลุ่มน้ำแบบไหน และชอบอาหารชนิดใด เขาควรใช้เหยื่อชนิดใดปลาจึงจะมากินและติดเบ็ดของเขา ปลาแต่ละประเภทต้องใช้เหยื่อที่แตกต่างกัน การอภิบาลเยาวชนก็เช่นกัน เหยื่อก็คือกิจกรรมนั้นเอง ถ้าเราจัดกิจกรรมที่ตรงใจหรือถูกใจ แน่นอนเยาวชนก็จะมาร่วมกิจกรรมด้วยความเต็มใจ
                ผู้อภิบาลฯยังเปรียบได้กับผู้กำกับภาพยนตร์ เขารู้ว่าผู้แสดงคนไหนควรแสดงบทบาทอะไรเขาสามารถเค้นเอาความสามารถที่บางครั้งเจ้าตัวเองยังไม่รู้ว่าตนเองมีออกมาใช้งานได้ ผู้กำกับตาแหลมมองทะลุ แล้วใช้คนนั้นแสดงตามความถนัดของตน นอกจากนั้นยังเปรียบได้กับโค้ชกีฬา ที่ดูหน่วยก้าน ความถนัดของผู้เล่น จับมาฝึกฝน แล้วจัดให้เล่นตามที่เขาถนัด ทีมของเขาก็จะดำเนินไปด้วยดี
                งานอภิบาลเยาวชนเป็นงานที่ท้าทาย ผู้อภิบาลจะต้องมีความคิดริเริ่มและอดทนอย่างสูง แต่ที่สำคัญเราต้องถามตนเองว่าเราทำงานเยาวชนไปเพื่ออะไร ถ้าเราไม่รักและหวังดีต่อพวกเขา และอีกประการหนึ่งการอภิบาลเยาวชนคือการสอนคำสอนพวกเขา โดยผ่านทางกิจกรรมสร้างสรรค์ต่าง ๆนั้นเอง

อาชีพทีเป็นอุปสรรค

อาชีพในปัจจุบันมีมากมายหลายหลาก สำหรับเราคาทอลิกแล้วมีอิสระในการประกอบอาชีพก็จริง แต่ไม่ใช่อาชีพทุกอย่างจะเหมาะสมกับความเชื่อ
                ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทยได้สอบถามเยาวชนว่า อาชีพใดที่เป็นอุปสรรคต่อ
ชีวิตคริสตชน
                จากการสำรวจเยาวชนจำนวน 466 คน ให้คำตอบ 303 คน ไม่แสดงความคิดเห็น 133 คน คำตอบระบุอาชีพที่หลายหลาก สามารถแยกออกเป็นประเภทหรือกรอบความคิดได้ดังนี้ ลำดับหนึ่งร้อยละ 52 เป็นอาชีพไม่สุจริต ผิดศีลธรรม ลำดับที่สองร้อยละ 24 ได้แก่ ทุกอาชีพขึ้นอยู่กับบุคคล ลำดับที่สามร้อยละ 15 เป็นอาชีพที่ต้องทำงานในวันอาทิตย์ ลำดับที่สี่ร้อยละ 5 เป็นอาชีพพระสงฆ์นักบวชครูคำสอนสภาวัด อันดับที่ 4 เป็นอาชีพอื่น ๆ
                ลำดับแรก อาชีพไม่สุจริตผิดศีลธรรมที่เยาวชนระบุได้แก่ ขายตัว ถ่ายนู้ด หมอทำแท้ง แม่เล้า นักล่าสตรี คนที่ทำเกี่ยวกับสื่อลามกทุกประเภท ค้ายาเสพติด มือปืน ฯลฯ
                ลำดับที่สอง ทุกอาชีพขึ้นอยู่กับบุคคล เยาวชนให้เหตุผลว่าทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนไม่ดี อาชีพที่เยาวชนระบุไว้ เช่น นักธุรกิจ นักการเมือง แพทย์/พยาบาล ตำรวจ/ทหาร/ราชการ/ทนายความ ฯลฯ
                ส่วนลำดับที่สามนั้น เยาวชนเห็นว่าเงื่อนไขของเวลาเป็นอุปสรรคมากกว่าลักษณะของงานอาชีพที่ระบุ เช่น ค้าขาย พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน รักษาความปลอดภัย ครูคุมหอพัก เกษตรกรรม ฯลฯ
                คำสอนของพระศาสนจักรที่พูดถึงอาชีพต้องห้ามสำหรับชาวคาทอลิก อยู่ในคำสอนฯภาคที่ 3 ในเรื่องพระบัญญัติ 10 ประการ ขอยกตัวอย่าง เช่น พระบัญญัติประการที่ 5 อย่าฆ่าคน อาชีพหมอทำแท้ง มือปืนรับจ้าง ผลิต-ค้า-เสพ-ยาเสพติด การลักพาตัวและการจับคนเป็นตัวประกันการผลิตและการค้าขายอาวุธ  พระบัญญัติประการที่ 6 อย่าทำอุลามก เช่น การผลิต การแสดง การค้าขาย สื่อลามกต่าง ๆ ทุกประเภท การเป็นโสเภณีไม่ว่าจะเป็นหญิง ชาย เด็ก วัยรุ่น ทั้งคนที่ใช้บริการ คนที่มีส่วนในธุรกิจ เหล่านี้ถือว่ามีความผิดทั้งสิ้น พระบัญญัติประการที่ 7 อย่าลักขโมย  เช่น การทำลายธรรมชาติ อาชีพลักขโมย โจร การค้าขายเกินราคา การขายของปลอม ฯลฯ
                อาชีพใดที่สร้างผลประโยชน์ให้กับตนเอง แต่ทำความเสียหายแก่ผู้อื่น ก็เป็นอาชีพที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระเจ้า ตรงกันข้ามอาชีพที่ทำให้สังคมมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้าควรเป็นอาชีพที่ต้องสนับสนุนให้กับเยาวชนของเรา

อาชีพยอดนิยม

เยาวชนเป็นวัยที่กำลังแสวความสามารถเฉพาะของตนเอง เพื่อจะได้พัฒนาความสามารถนั้น ให้เป็นเครื่อมือทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไปในอนาคต
                ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทย ได้สอบถามเยาวชนถึงอาชีพที่พวกเขาชอบโดยถามว่า อาชีพใดที่ท่านชอบ
                คำตอบจากเยาวชน 466 คน มีความแตกต่างกันไป อาชีพต่าง ๆ ที่เยาวชนระบุไว้ 47 อาชีพ แยกออกเป็น 10 ประเภทดังนี้ ด้านสื่อมวลชนร้อยละ 16 ทำธุรกิจร้อยละ 16 งานบริการร้อยละ 12 งานที่สุจริตร้อยละ 12 แพทย์ร้อยละ 11 ข้าราชการร้อยละ 9 ครูร้อยละ 8 นักวิชาการร้อยละ 8 นักบวชร้อยละ 5 และเกษตรกรร้อยละ 3
                งานที่บรรดาเยาวชนปัจจุบันชอบมากเป็นอันดับแรก มีสองประเภท คือ งานสื่อมวลชนและงานภาคธุรกิจ
                ส่วนงานที่เยาวชนให้ความสนใจน้อย ได้แก่ นักบวชและเกษตร
                งานสื่อมวลชนที่เยาวชนระบุ เช่น งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ Graphic designer ทำ Animation นักโฆษณา ครีเอทีฟ นักเขียน นักข่าว อ่านข่าว สื่อมวลชน นักร้อง นักแสดง ดนตรี นางแบบ ฯลฯ
                ส่วนงานด้านธุรกิจ นักธุรกิจ ธุรกิจส่วนตัว ค้าขาย ทำงานบริษัท พนักงานธนาคาร นักบริหาร ผู้จัดการโรงงาน
                เป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า อาชีพในปัจจุบันมีความหลายหลากมากขึ้น ใครที่มีความสามารถอะไรสักอย่างหนึ่ง แม้จะดูว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะนำไปประกอบเป็นอาชีพได้
                นักศึกษาในปัจจุบันได้พยายามนิยามและแบ่งกลุ่มความสามารถของเด็ก ๆ ออกได้หลายแบบเดียวกัน แต่ทุกแบบก็มีแนวคิดอย่างเดียวกันคือ ความเก่งของมนุษย์นั้นมีหลายหลากและถ้ามนุษย์ได้รับการส่งเสริมให้ถูกทาง ความเก่งในด้านต่าง ๆ นั้น จะปรากฏออกมาได้เต็มที่
                ตัวอย่างความสามารถตามทฤษฎีสติปัญญาหลายหลากของการ์ดเนอร์แบ่งออกเป็น 7 ประเภท คือ ความสามารถทางภาษา ทางตรรก/คณิตศาสตร์ ด้านช่าง ด้านพละ ด้านจังหวะ/ดนตรี ด้านสังคม ด้านรู้ตน
                การยอมรับเรื่องความสามารถที่แตกต่างนี้ สอดคล้องกับคำสอนจากพระคัมภีร์ในเรื่องพระพรพิเศษนี้ว่า พระพรพิเศษมีหลายประการ...มีหน้าที่หลายอย่างแตกต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว.....พระจิตประทานถ้อยคำที่ปรีชาแก่คนหนึ่ง..... ถ้อยคำที่รอบรู้แก่อีกคนหนึ่ง.... ความเชื่อแก่อีกคนหนึ่ง ..... พระพรบำบัดรักษาโรค การทำอัศจรรย์ การประกาศพระวรสาร การรู้จักจำแนกจิตต่าง ๆ การพูดภาษา การอธิบายความ... พระพรพิเศษทั้งมวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์ผู้เดียวผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่าง ๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย(1คร 12:4 – 11)
                ในความเชื่อของคาทอลิก เราใช้คำว่า กระแสเรียก เพื่อหมายถึงสถานะภาพชีวิตหรือหน้าที่การงานของแต่ละคนที่พระเจ้าประทานให้ บางครั้งอาจจะใช้คำว่ากระแสเรียกแทนคำว่าอาชีพเช่น คนนี้มีกระแสเรียกเป็นครู มีกระแสเรียกเป็นหมอ มีกระแสเรียกเป็นพ่อค้า หรือชาวสวนชาวนา และ กระแสเรียกนักบวช สำหรับชาวคาทอลิกจะต้องรักงานที่ตนเองกระทำ และพัฒนางานนั้น ๆ ให้ก้าวหน้าขึ้น เพราะเราถือว่านี้คือพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อเราโดยเฉพาะ
                ดังนั้นเราจะมีอาชีพใดไม่ว่า เราต้องสำนึกอยู่เสมอว่าความสามารถที่เรามีอยู่นั้นมาจากกพระเจ้า และจุดประสงค์ของพระเจ้าที่ประทานความหลากหลายก็คือ ให้แต่ละคนนำพระพรมาใช้เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม

ช่วยเพื่อนวัด

การไปวัดในวันอาทิตย์เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคาทอลิกทุกคนถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันของพระเจ้า จะต้องทำให้วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ด้วยการไปสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้าที่วัด และการอยู่กับครอบครัวหรือการออกไปทำกิจกรรมที่ดีต่อสังคม
                สำหรับคนที่ติดธุระในวันอาทิตย์ พระศาสนจักรอนุโลมให้ไปร่วมมิสซาฯในวันเสาร์แทนได้ แต่ถ้าไม่จำเป็น ควรที่จะทำวันอาทิตย์ให้ศักดิ์สิทธ์ตามเจตนารมณ์เดิมจะดีกว่า
                ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเยาวชนในประเด็นที่ว่า ถ้ามีเพื่อนไมม่ไปวัด ท่านจะทำอย่างไร ไปวัดที่นี้ หมายถึง วัดในวันอาทิตย์
                ผลการสำรวจจากเยาวชน 466 คน ให้คำตอบมาทั้งสิ้น 474 คำตอบ คำตอบที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 68 ตอบว่า ชวนเขาให้ไปด้วย โดยไม่บังคับแต่อธิบายเหตุผล ส่วนที่เหลือร้อยละ 32 เป็นคำตอบอื่น ๆ เช่น เฉย ๆ ตามใจเพื่อน ไม่ใช่เรื่องของเรา คำตอบที่รุนแรงก็มีเช่น ต่อว่า ด่า และที่มาในแนวศรัทธาก็มี เช่น พลีกรรมให้ ฯลฯ ที่ใช้เทคนิคน่ารัก ๆ เช่น ชวนไปเล่นกีฬาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา ไปรับเขาที่บ้าน ทำตัวเป็นตัวอย่าง ฯลฯ
                เรื่องของการไปวัด ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เป็นการตัดสินใจใช้เสรีภาพที่พระเจ้าประทานให้อย่างเสรี การทำดีด้วยตนเองกับการทำดีโดยการบังคับมีผลที่แตกต่างกันมาก
                การบังคับหรือคำสั่งให้ไปวัดไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกสำหรับเด็ก ๆ แต่สำหรับเยาวชน พวกเขาต้องการเหตุผลและต้องการที่จะทำอะไรโดยการตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง
                บรรดาผู้ใหญ่มีเหตุผลอะไรที่จะบอกให้พวกเขาไปวัด
                ทำไมต้องไปวัด พิธีมิสซาฯมีความหมายอะไร รับศีลมีประโยชน์อะไร ฯลฯ เรื่องต่าง ๆเหล่านี้ เยาวชนของเรามีความรู้อย่างดีแล้วหรือยัง
                นอกจากความรู้แล้ว ทัศนคติต่อการไปวัด และการร่วมพิธีกรรมของพวกเขาเป็นอย่างไร มีจุดไหนที่ทำให้พวกเขามีความประทับใจ
                การมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวัด หรือในพิธีกรรมพวกเขาได้มีส่วนร่วมมากน้อยเพียงไร
                ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสมาชิกในวัดและกับคุณพ่อเจ้าวัดของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
                วัดไม่ใช่โรงหนังโรงละครหรือห้างสรรพสิ่งค้า ที่ลูกค้าเดินเข้า ๆ ออก ๆ โดยไม่จำเป็น ต้องมีความสัมพันธ์ระหว่างกัน
                ทำอย่างไรให้เยาวชนมาวัด นอกจากจะให้ เพื่อนช่วยเพื่อน แล้ว เรายังมีวิธีอื่น ๆ อีกได้ไหม