ความรักและการแต่งงานเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์
บรรดาคาทอลิกผู้หลักผู้ใหญ่จำนวนมากไม่สบายใจเกี่ยวกับการแต่งงานของคนรุ่นใหม่
เพราะเห็นว่าสมัยนี้กระทำพิธีกันง่าย ๆ ไม่เคร่งครัดไม่มีการอบรม
ไม่มีการเรียนคำสอน เป็นต้นเรื่องของศาสนา
ซึ่งแต่ก่อนนั้นคาทอลิกจะต้องแต่งงานกับคาทอลิก
แม้จะไม่เป็นกฎหมายแต่เป็นประเพณีที่เคร่งครัดมาก
ผลการสำรวจความคิดเห็นบรรดาเยาวชนคาทอลิกของศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทย
(2546) ในหัวข้อว่า “ท่านประสงค์ที่จะแต่งงานกับคนศาสนาเดียวกันหรือไม่”
เยาวชนที่ตอบคำถามนี้มีทั้งสิ้น
461 คนคำตอบที่มีจำนวนมากที่สุด ร้อยละ 43 ตอบว่ามีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับคนศาสนาเดียวกัน ในขณะที่ร้อยละ 28 ตอบว่า ไม่จำเป็น ได้ก็ดี ส่วนที่เหลือตอบแตกต่างกันไป เช่น ไม่รู้
ไม่คิด ไม่แต่งงาน จะบวช ฯลฯ
คำถามและคำตอบในเรื่องที่ว่าประสงค์คิดว่าควรแต่งงานกับคนในศาสนาเดียวกันหรือไม่นี้
เป็นเพียงความคิด ยังไม่ได้เป็นความเป็นจริง คิดได้ ประสงค์ได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่
เพราะจากผลงานวิจัยของวิทยาลัยแสงธรรม เรื่อง “การแต่งงานแบบนับถือศาสนาต่างกัน” เมื่อ ปี พ.ศ. 2544 สรุปผลว่า แนวโน้มของคู่สมรสระหว่างคาทอลิกกับผู้ที่มิใช่คาทอลิก ในปี พ.ศ. 2538 – 2540 โดยเฉลี่ยทุก
สังฆมณฑลในประเทศไทยสูงขึ้นประมาณร้อยละ 70 แสดงว่าในการแต่งงาน 10 คู่ เป็นการแต่งงานแบบต่างศาสนากัน 7 คู่
สังฆมณฑลในประเทศไทยสูงขึ้นประมาณร้อยละ 70 แสดงว่าในการแต่งงาน 10 คู่ เป็นการแต่งงานแบบต่างศาสนากัน 7 คู่
ถ้าจะถามว่าการแต่งงานแบบต่างคนถือมีผลอย่างไรต่อชีวิตครอบครัว
ร้อยละ 31.6 ตอบว่าทำให้ความเชื่อและการปฏิบัติศาสนกิจลดลง
ร้อยละ 75.3 ตอบว่า ไม่มีปัญหาและอุปสรรคในด้านความสัมพันธ์
ร้อยละ 22.8 ตอบว่า
มีปัญหาเรื่องการปฏิบติศาสนกิจของบุตรธิดา
ความต้องการของคู่สมรสแบบต่างคนต่างถือ
ร้อยละ 70 ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของความเชื่อ เช่น
การเรียนคำสอน การเข้าเงียบฟื้นฟู การศึกษาพระคัมภีร์ เป็นต้น
จากข้อมูลนี้
แสดงให้เห็นว่าแม้คู่สมรสจะตอบว่า ไม่มีปัญหาอะไรที่เด่นชัด
จนทำให้เป็นอุปสรรคต่อชีวิตคู่
แต่ฝ่ายคาทอลิกเองมีความรู้สึกว่าตนเองต้องการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในศาสนาให้มากขึ้น
อาจจะเป็นเพราะว่าคนเองต้องตอบคำถามเกี่ยวกับศาสนาให้คู่ครองหรือญาติพี่น้อง
หรือแม้กระทั่งลูกของตนเอง ความต้องการเช่นนี้
ผู้ใหญ่ของพระศาสนจักรควรจะต้องรับฟังและหาวิธีช่วยเหลือด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
คำสอนคาทอลิกข้อที่
1633 – 1637
ได้ให้คำสอนเกี่ยวกับการแต่งงานแบบผสมผสานว่า
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมากมายทั่วโลก ความแตกต่างทางความเชื่อของคู่สามีภรรยา
ไม่ได้เป็นอุปสรรคจนแก้ไขไม่ได้ ถ้าหากทั้งคู่พยายามเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ใช้พระพรที่แต่ละคนมีรับใช้กันและกัน
ตามกฎหมายพระศาสนจักร
ผู้ที่ปรารถนาที่จะแต่งงานแบบต่างคนต่างถือศาสนาของตนเอง
จะต้องเสนอเรื่องขออนุญาตจากผู้มีอำนาจในพระศาสนจักรเสียก่อน
เรื่องนี้ทำไม่ยากอะไรเพียงแต่ให้พาแฟนของตนเองไปพบคุณพ่อเจ้าอาวาส
ขอคำปรึกษาจากท่าน แล้วคุณพ่อจะช่วยท่านเอง หลายท่านบ่นว่ายุ่งยาก
แต่อย่าลืมว่าศาสนาหวังดีต่อท่าน ทำเพื่อท่าน อยากให้ท่านรักกันอย่างแท้จริง
อยากให้ครอบครัวของท่านมีความสุข การที่ต้องมีกฎระเบียบก็เพื่อตัวท่านเอง จริงไหม
คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกได้พูดถึงหน้าที่พิเศษของฝ่ายคาทอลิก
โดยอ้างอิงคำสอนของนักบุญเปาโลที่ว่า “เพราะสามีที่ไม่ใช่คริสตชนได้รับความศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าโดยผ่านทางภรรยาและภรรยาที่มิใช่คริสตชนก็จะได้รับความศักดิ์สิทธิ์จากพระเจ้าโดยทางสามีคริสตชน”
( 1คร 7:14)
หมายความว่าคาทอลิกจะต้องเป็นผู้นำความศักดิ์สิทธิ์ไปให้คู่ครองตนเอง
ด้วยการนำความรัก ความจริงใจ ความสุภาพถ่อมตน ความอดทน การอธิษฐานภาวนา....อย่างนี้ ครอบครัวก็จะเป็นครอบครัวที่มีความสุขอย่างแท้จริง
และสักวันหนึ่งความดีงามของท่านจะชนะใจได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น