วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

บ้านคือวิมานของเรา

มีคำพูดอยู่คำหนึ่งว่า อย่างไรก็บ้านเรา ซึ่งมีความหมายนำนองที่ คนเราไม่ว่าจะเที่ยวไปอย่างหัวหกก้นขวิดอย่างไร สุดท้ายก็ขอกลับมาตั้งหลักที่บ้านดีกว่า
ศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมประเทศไทยได้สอบถามเยาวชนถึงทัศนคติของเขาต่อบ้าน โดยตั้งคำถามว่า ท่านชอบอยู่บ้านไหม
                เยาวชนอายุ 15-20 ปีจำนวน 466 คนให้คำตอบทั้งสิ้น 460 คำตอบ ในคำตอบทั้งหมดร้อยละ 70 ตอบว่า ชอบ ร้อยละ 16 ตอบว่า ชอบบางครั้ง และร้อยละ 10 ตอบว่า ไม่ชอบ ส่วนที่เหลือเป็นคำตอบอื่น ๆ เช่น แล้วแต่อารมณ์ เฉย ๆ  ฯลฯ
                บ้านในที่นี้ อาจจะหมายถึง ตัวอาคารหรือความผูกพันก็ได้ ถ้าเป็นตัวอาคารพ่อแม่มีเงินก็สร้างให้ถูกใจลูก ๆ ได้ง่าย แต่ถ้าหมายถึง ความผู้พันนี้ทุกคนในบ้านต้องร่วมมือกันสร้าง
                สถาบันครอบครัวมีความสำคัญอย่างมาก เราคงได้ยินคำว่า ครอบครัวศักดิสิทธิ์ บ่อย ๆพระศาสนจักรปรารถนาจะให้ทุกครอบครัวยึดเอาครอบครัวของพระเยซูเจ้าเป็นรูปแบบในการดำเนินชีวิต
                นอกจากนั้นยังเรียกครอบครัวว่าเป็น พระศาสนจักรบ้าน หรือบ้านคือ วัดน้อย ๆนั้นเอง
                บ้านหรือครอบครัวคริสตชนเป็นสถานที่ที่ใช้ชีวิตร่วมกันของบุคคลต่าง ๆ เป็นเครื่องหมายและรูปแบบการมีชีวิตร่วมกันของพระตรีเอกภาพ คือ พระบิดา พระบุตรและพระจิต ครอบครัวเป็นที่ให้กำเนิดและให้การอบรมศึกษาแก่บุตร เป็นภาพสะท้อนของผลงานแห่งการสร้างสรรค์ของพระบิดาครอบครัวนั้นได้รับเรียกให้มีส่วนร่วมกันในการภาวนา และการถวายบูชาของพระคริสตเจ้า การสวดภาวนาประจำวันและการอ่านพระวาจาของพระเจ้าทำให้ความรักในครอบครัวเข้มข้นขึ้น และครอบครัวจะต้องเป็นผู้เผยแพร่พระวรสาร
                ความสัมพันธ์ในอ้อมกอดของครอบครัวก่อให้เกิด ความผูกพันทางใจ ต่อสมาชิกทุกคนครอบครัวจึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเรา ความสุขทุกข์ในครอบครัวเป็นร่องรอย ในชีวิตที่สามารถลบเลือนได้
                ภาระหน้าที่ของผู้นำครอบครัวจึงเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่เท่าไรยิ่งต้องพึ่งพาพระเจ้ามากเท่านั้น ดังนั้นครอบครัวจะต้องยึดพระเจ้าเป็นหลักมั่นไว้เสมอ
                บ้านจะเป็นวิมาน ต้องมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
                ครอบครัวที่สวดภาวนาและร่วมมิสซาบูชาฯพร้อมกัน ครอบครัวนั้นจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น